top of page

English พิศวง : 10 สิ่งชวนงงในภาษาอังกฤษ


ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายท่านน่าจะเคยมีประสบการณ์ในการพบเจอคำศัพท์, ไวยากรณ์ หรือรูปแบบการใช้ภาษาอังกฤษที่มีลักษณะค่อนข้างเฉพาะตัว จนบางครั้งเกิดอาการงงๆกันบ้าง วันนี้ ทาง InterBoosters จะขออาสาเรียบเรียงสิ่งละอันพันละน้อยทั้งหมด 10 ตัวอย่าง ที่ออกจะแสนประหลาดในภาษาอังกฤษมาให้ท่านผู้อ่านได้เพลิดเพลินกันค่ะ

1. Inflammable = flammable

เราคงได้เรียนถึงการใส่ prefix un,in,dis หน้าคำคุณศัพท์ทั้งหลาย ทำให้คำคุณศัพท์เหล่านั้นมีความหมายว่า “ไม่...” ในทันที แต่ไม่ใช่กับ inflammable และ flammable เพราะทั้งสองคำนี้ ต่างมีความหมายเดียวกันคือ “ที่สามารถติดไฟได้” เหตุผลคือ prefix -in ได้ทำให้คำคุณศัพท์นั้นหมายถึง “กับ” หรือ “ใน”

2. Nose run vs. feet smell

Nose run หมายถึงอาการน้ำมูกไหล เวลาพูดเป็นประโยค เช่น “My nose is running” ส่วนอีกวลีหนึ่ง feet smell มักใช้ในการบอกถึงกลิ่นของเท้า เช่น “Your feet smell bad” โดยสิ่งที่น่าประหลาดคือ การใส่กริยา run และ smell ให้กับทั้งสองอวัยวะทั้งสองอย่างจมูกและเท้านั้นช่างฟังดูตลกขบขันเสียเหลือเกิน เราสามารถเจอความหมายของจมูกที่วิ่งได้ และเท้าที่หายใจได้ในภาษาอังกฤษ

3. Mucus/snot/phlegm – น้ำมูก

ในภาษาอื่นๆ จะมีคำศัพท์หมายความถึงน้ำมูกที่มาจากรากศัพท์ที่เกี่ยวของกับน้ำและจมูก แต่ไม่ใช่ในภาษาอังกฤษ ที่มีคำว่า Mucus/snot/phlegm –หมายถึง น้ำมูกที่เป็นของเหลว และมีคำว่า booger ที่แปลว่า ขี้มูก ดูๆไปแล้ว คำเหล่านี้ไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับน้ำมูกและขี้มูกแต่อย่างใด

4. Nostril รูจมูก

ส่วนรูจมูก Nostril ไม่มีการใช้ประโยคว่า “Hey, my nose hole is full of nose water” เพราะประโยคที่ถูกต้องในการพูดถึงรูจมูกคือ “My nostril is full of mucus” นั่นเองค่ะ

5.Toes

เมื่อหัวแม่เท้า ไม่ได้ใช้คำว่า foot finger ทั้งๆที่ก็เป็นหนึ่งในนิ้วเท้าเหมือนกัน ก็น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยใช่ไหมละคะ

6. สิ่งที่ดูกลับหัวหลับหางอย่าง Park in a driveway No. Drive in a parkway

เมื่อคุณมีรถ และอยากจะจอดรถไว้ตรงพื้นที่ว่างสักแห่งใกล้ตัวบ้านของคุณ ในภาษาอังกฤษจะเรียกพื้นที่นั้นว่า driveway และในขณะเดียวกัน หากคุณต้องการขับรถออกไปที่ไหนสักแห่ง ประโยคที่ถูกต้องคือ Drive on a parkway มันคงจะฟังดูเข้าใจกว่า หากเป็นประโยคดังนี้ “I park in my parkway” และ “I drive on the driveway”

7. กีฬา Soccer และ Football

เป็นความเหมือนที่แตกต่างในกีฬายอดฮิตทั่วโลกอย่างฟุตบอล ที่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดาจะเรียกกีฬาชนิดนี้ว่า Soccer และในขณะที่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ก็มีกีฬาอย่าง American football ที่ไม่ได้ใช้เท้าในการเล่นเลย

8..แปรงสีฟัน Toothbrush ทำไมไม่เป็น Teethbrush?

หากพิจารณาตามหลักการของการแปลคำศัพท์ให้อยู่ในรูปเอกพจน์และพหูพจน์ของคำศัพท์อย่างฟัน จะเป็นในรูป Tooth (เอกพจน์) และ Teeth (พหูพจน์) กิจวัตรประจำวันอย่างการแปรงฟัน เรามักจะพูดในประโยคอย่างเช่น “brush your teeth”, “I brush my teeth” เพราะเรามีการแปรงฟันทุกๆซี่ในปากของเรา แต่คำศัพท์ที่ใช้เรียกแปรงสีฟันกลับใช้คำศัพท์ว่า Toothbrush ไม่ใช่ Teethbrush แต่อย่างใด เช่นเดียวกันกับคำศัพท์ ยาสีฟัน ที่ใช้คำว่า Toothpaste

9.Jeans vs. pants

เป็นสิ่งที่น่าเวียนหัวเช่นกันอย่างคำศัพท์ที่แสดงในรูปเอกพจน์ของกางเกง อย่าง Pants และ Jeans ที่ต้องเติม -s ต่อท้ายเสมอๆ เช่น ประโยคนี้ “I got a new pair of jeans/pants” ไม่ใช่ “I got a new pair of jean/pant”

10. Shipment vs. cargo

Cargo และ shipment เป็นหนทางการจัดส่งของให้ถึงปลายทาง ที่มักจะพบเห็นคำศัพท์ดังกล่าวบ่อยครั้งในการซื้อขายของทางอินเทอร์เน็ตอย่าง Ebay, Amazon ที่เมื่อหลังจากชำระเงินค่าสินค้าแล้ว จะมีการแจ้งสถานะการจัดส่งสินค้า ดังประโยคที่ว่า “Your shipment will arrive within two weeks” อย่างไรก็ตาม สิ่งของที่ถูกเรียกว่า shipment นั้น มักจะถูกจัดส่งโดยรถยนต์ หรือรถบรรทุกเป็นหลัก สิ่งของที่ถูกจัดส่งทางเครื่องบิน หรือเรือ จะถูกเรียกว่า Cargo จะเห็นว่า คำศัพท์อย่าง car, ship เมื่อถูกนำไปผนวกรวมกลายเป็นคำว่า shipment หรือ cargo แล้ว กลับไม่ได้สะท้อนความหมายเดิมของมันแต่อย่างใด

นี่เป็นเพียงส่วนเสี้ยวของตัวอย่างสิ่งที่น่าฉงนในภาษาอังกฤษ แน่นอนว่ายังมีอีกมากมายรอให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป แม้ว่ะต้องใช้ความสามารถในการแยกแยะในการจำเพิ่มขึ้นมาอีกระดับ แต่ก็เชื่อว่า สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่ง ที่เป็นเสมือนเสน่ห์ของภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้เรียนต้องตื่นตัวในการศึกษา ทำให้ไม่น่าเบื่อในการเรียนรู้นั่นเองค่ะ

ที่มา : 10 words in English that don't make sense! Hmmm... https://www.youtube.com/watch?v=4GfhDRosMOs

เผยแพร่เมื่อ 5 ตุลาคม 2016


Recent Posts

bottom of page