top of page

เพียงแค่แก้ความผิดพลาด 3 จุดนี้ ภาษาอังกฤษของคุณก็ดีขึ้นได้ในทันตา! : a,an,the,to


ผู้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็กจนโตคงจะเห็นคำเหล่านี้จนชินตา และด้วยความเคยชินนี้เอง ทำให้เราคิดว่า ทั้งคำนำหน้านาม (article) อย่าง a,an,the และคำบุพบท ( preposition ) อย่าง to คงจะไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก คุณกำลังคิดผิดถนัด เพราะคำเหล่านี้ หากใช้อย่างถูกต้อง จะทำให้การสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณนั้นฟังดูมืออาชีพ และเป็นธรรมชาติเหมือน Native speakers โดยสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

หากเริ่มต้นพิจารณาจากประโยคที่ว่า “I need to go work tonight” , “I bought car yesterday”, “I bought food yesterday” (แทนที่จะพูดว่า “I bought some food yesterday”) , “I bought apple at store yesterday” ทั้งที่ควรจะเติม an หน้า apple แต่หลายๆคนก็ละเลย article, preposition ด้วยเพราะมองว่ายังไงคู่สนทนาก็เข้าใจ แต่การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยตรงนี้ จะทำให้ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของคุณดีขึ้นทันตา

คำนำหน้านาม (Article) a,an

A - ใช้นำหน้าคำนามทั่วไป แสดงความเป็นเอกพจน์ ในขณะที่ an ใช้นำหน้าคำนาม ที่ขึ้นต้นด้วยคำที่ออกเสียงพยางค์แรกเป็นสระ a,an จะใช้นำหน้าคำนามที่เป็นธรรมดาสามัญทั่วไป ไม่พิเศษ (indefinite)

เช่น หากครูที่กำลังสอนในห้องพูดว่า “I want a marker” แปลว่า เขาต้องการปากกามาร์คเกอร์แบบไหนก็ได้ ไม่ได้เจาะจงลักษณะใดเป็นพิเศษให้เจาะจงลงไป

คำนำหน้านาม (Article ) the

หากครูผู้สอนกล่าวว่า “I want the marker” โดยในกองปากกามาร์คเกอร์ประกอบด้วยสีน้ำเงินจำนวน 10 แท่ง และสีดำจำนวน 1 แท่ง ซึ่ง “The marker” ในที่นี้ก็คือ ปากกามาร์คเกอร์แท่งสีดำนั่นเอง เนื่องจากมีความพิเศษ โดดเด่นกว่าแท่งอื่นๆ definite article จึงใช้นำหน้าคำนาม ที่ปรากฏว่ามีความพิเศษ แตกต่างโดยเปรียบเทียบกับคำนามที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกันนั่นเอง ลองดูตัวอย่างประโยคถัดไปกันค่ะ

“Tell the man I like him” – บอกชายผู้นั้นว่าฉันชอบเขา ประโยคนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง เพราะเนื่องจาก คู่สนทนาจำเป็นต้องรู้ว่า “The man” ดังกล่าวนั้นเป็นใคร จึงจำเป็นต้องมีการกล่าวให้เฉพาะเจาะจงลงไปอีก เช่น “Tell the man in the yellow jacket” or “yellow suit” – บอกชายผู้นั้นที่ใส่เสื้อแจ๊คเก็ตสีเหลือง หรือ ชุดสูทสีเหลือง หรือ หากเจอเพื่อนพูดว่า “Tell a woman I like her” การจะทำตามคำขอของเพื่อนนี้ให้สมบูรณ์ คือการเดินไปบอกผู้หญิงคนไหนก็ได้ ว่าเพื่อนคุณชอบหล่อน เพราะ a woman ไม่ได้เป็นการเฉพาะเจาะจงนั่นเอง ซึ่งหากจะฝากเพื่อนไปบอกรักใคร ควรจะเฉพาะเจาะจงเสื้อผ้า รูปพรรณสัณฐานของผู้หญิงในดวงใจสักหน่อยก็ดีนะคะ

หากพิจารณาอีกอย่าง article เป็นอีกรูปพิเศษหนึ่งของคำคุณศัพท์ เพราะด้วยการทำงานของมัน ดังนี้

- a,an บอกลักษณะความเป็นเอกพจน์ มีหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งคน หรือ หนึ่งกลุ่ม ที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงประโยค

- the บ่งบอกความเฉพาะ,พิเศษ ของคำนามนั้น “Please give me the green apple on my desk” – ช่วยหยิบแอปเปิ้ลเขียวบนโต๊ะของฉันให้หน่อย การใช้ the นำหน้าคำนามที่เราต้องการเน้นย้ำ ต้องเป็นแอปเปิ้ลสีเขียว บน โต๊ะของฉันเท่านั้น

การใช้ to

หาก article จะใช้กับคำนาม การทำให้ประโยคมีใจความครบถ้วน แสดงถึงการกระทำ ก็ต้องประกอบด้วยคำนาม และคำกริยา ในที่นี้ เราจะมาดูบทบาทสำคัญของ to กันค่ะ

To สามารถใช้กับการบอกทิศทาง

เช่น I’m going to the school or go to my house - ฉันกำลังจะไปโรงเรียน หรือบ้านของฉัน โดยในที่นี้คำบุพบทเป็นตัวเชื่อมระหว่าง คำกริยา (go) กับคำนาม (the school, my house) นั่นเองค่ะ

ใช้กับ Infinitive (คำกริยารูปปกติที่ยังไม่มีการผัน)

เช่น “I like to eat” – ฉันชอบกิน บ้างเข้าใจว่า to eat เป็นรูปพื้นฐานของคำกริยา แต่ไม่ใช่ เพราะหากพื้นรูปพื้นฐาน ก็ต้องอยู่ในรูป eat เฉยๆ (ตามหลังประธาน I )

ลองมาทำความเข้าใจ infinitive แบบง่ายๆกันค่ะ

คำกริยา เป็นเสทอนคนขี้โมโหสองคน ที่ชอบทะเลาะกันตลอดเวลา ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างกำแพงขึ้นมากั้นกลาง

ระหว่างทั้งสองคน นั้นก็คือ เอา To มาคั่นกลางนั่นเอง

I want to go , I like to eat, I have to do, you need to be

ดังนั้น หากเจอคำกริยาสองตัวในประโยค ให้ทำการคั่นกลางด้วย To

นอกจากนี้ การใช้ to หลัง going ก็ทำให้สื่อถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคต อันมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอนอีกด้วย

ต่อไปจะเป็นการรวม article และ preposition - to เข้าด้วยกัน

บ่อยครั้งรูปแบบพื้นฐานของสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ในภาษาอังกฤษถูกละเลย วันนี้ เราจะมาทบทวนกันใหม่ เพื่อทักษะการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นจากเรื่องง่ายๆเหล่านี้กันค่ะ

Article + noun

เช่น “he bought the car yesterday” เขาซื้อรถเมื่อวานนี้ แน่นอนว่า บทสนทนานี้ เกิดขึ้นท่ามกลางบุคคลที่ทราบว่า กำลังพูดถึงรถคันไหน และผู้ซื้อรถคันดังกล่าว

“I had a pizza last night” – ฉันกินพิซซ่าเมื่อคืนที่ผ่านมา พิซซ่าเป็นอาหารธรรมดาสามัญ ที่ไม่ต้องการการเฉพาะเจาะจงในประโยคบอกเล่านี้ แต่หาก ใช้คำว่า “The pizza” แปลว่าคู่สนทนาทั้งสองก็รู้กันอยู่ว่าหน้าพิซซ่าที่รับประทานไปคือหน้าอะไร

การรวม Preposition to กับ article

ในรูป to + article เช่น “Go to the store”, “Go to the city”

Preposition to กับ infinitive ในรูป verb + to + verb

เช่น “I need to eat”

ข้อควรจำ ไม่ควรใช้ to กับ modal verbs (กริยาช่วย) เช่น 1. Can/Could = สามารถ, 2. Will/Would = จะ , 3. Shall/Should = ควรจะ ,4. May/Might = อาจจะ ,5. Must = ต้อง ,6. Ought to = ควรจะ

เช่น “Must to” ผิด

Going to รูปอนาคต

การกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่มีโอกาสเกิดขึ้น 80%

เช่น หากพูดว่า “I am going to Jamaica this summer ” นั่นหมายความว่า คุณได้มีการวางแผนเดินทาง ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองที่พักที่จาไมกาแล้ว

To ยังเป็นตัวที่บ่งบอกถึง word syntax - การเรียงลำดับคำที่ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างเป็นเหตุเป็นผล เช่น ไม่มีการวางคำกริยาก่อนคำนาม ซึ่งการเรียงลำดับ ก็เป็นไปตาม form ข้างต้นนั่นเอง

เพิ่มความเข้าใจจากตัวอย่างประโยคเหล่านี้อีกครั้ง

1. The man who asked you out is my brother.

2. It’s a good day when I get free money.

3. She is the most important person in my life.

4. Can we go to the zoo tomorrow?

5. The letter “A” is the first letter in the alphabet

หากลองเอาไปใช้ แล้วมีคนทักว่า ภาษาอังกฤษของคุณดีขึ้นนะ นั่นไม่ใช่เพราะคุณได้เรียนสิ่งใหม่เพิ่มเติม หากแต่เป็นการทำความเข้าใจสิ่งที่ทราบอยู่แล้ว และนำมาใช้อย่างถูกต้องนั่นเองค่ะ

ที่มา Instantly improve your English with 3 easy words!

https://www.youtube.com/watch?v=9xkEHTqgr7o

เผยแพร่เมื่อ 6 กันยายน 2017


Recent Posts

bottom of page