top of page

เลี้ยงลูกยังไงให้มี EQ (ความฉลาดเชิงอารมณ์) ..


hello!

ไม่ได้ลง blog มานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากเว็ปไซต์มีการปรับปรุงเพิ่มคอร์สออนไลน์เข้ามา จนไม่สามารถเข้ามาทำ blog ได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้หากไม่ได้แจ้งล่วงหน้านะจ้ะ ตอนนี้คอร์ส online เสร็จแล้ว มีเรื่องราวจะมาแชร์ เรื่องการเลี้ยงลูกให้มี EQ หรือความฉลาดเชิงอารมณ์ ที่อ่านมาจากบทความฝรั่ง ชอบมาก so จะแปะลิ้งให้ และย่อให้ฟังดังนี้

บางคนที่อ่านอาจจะงงว่า ถ้าชั้นไม่ได้จะมีลูกตอนนี้ อ่านไปจะมีประโยชน์อะไรงะ

คำตอบคือ อ่านไว้ไม่เสียหาย อาจเข้าใจตัวเองยิ่งกว่าเดิมอีก (พี่ก็ไม่ได้จะมีลูกตอนนี้ 5555)

แล้วเมื่อโตขึ้นมา สุดท้ายจะรู้ว่า คนเราจะไม่ความสุขหรือไม่ มันอยู่ที่ EQ ไม่ได้อยู่ที่สถานะ ความร่ำรวย ความฉลาด ความสำเร็จ อะไรเลย (ปัจจัยภายในสำหรับกว่าปัจจัยภายนอก)

สรุปให้จากบทความที่ยาวเฟื้อย คือฝรั่งเค้าทำการทดลองขั้นสุดยอดละเอียดกับครอบครัวที่มีลูกอายุ 4-5 ขวบ จำนวนร้อยครอบครัวได้ ตรวจมันทุกอย่างตั้งแต่ให้ทำแบบทดสอบ คอยสังเกตพฤติกรรมในห้องแลป ตรวจฉี่หาฮอร์โมน ตรวจการเต้นของหัวใจ ตรวจสมอง ทุกอย่างเท่าที่นึกออกเอ้า!

ลงทุนทำการทดลองมากมายให้เราได้ข้อสรุปฟรีๆดังนี้

พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบผิด มีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ เมื่อลูกแสดงอารมณ์ negative emotions ต่างๆ

1. dismissive -- ไม่ใส่ใจ ทำเหมือนอารมณ์นั้นไม่สำคัญ หรือ ignore ไปเลย

2. disapproving -- ไม่ได้! ลูกทำอย่างงี้ไม่ได้! ดุว่า ทำโทษ หรือยังไงก็แล้วแต่ critical เวลาลูกแสดงอารมณ์ negative

3. leave alone -- คือแสดงความเห็นใจนะลูก แม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ช่วยจัดการอารมณ์นี้ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แน่นอนว่าลูกที่มาจากครอบครัวตามนี้ ก็จะมีปัญหาต่างๆนานาเมื่อโตขึ้น รวมถึงการมี low self-esteem และการไม่มีความสุขกับเพื่อน กับคู่รัก หรือกับตัวเอง เก็บกด ดื้อเงียบ บลาบลาบลา

ส่วนพ่อแม่ที่ดีที่ทำให้ลูกโตมามี emotional intelligence ที่ดีทำยังไง?

คำตอบคือ

1. รู้อารมณ์ลูก ตระหนักตั้งแต่ลูกเริ่มหงุดหงิด -- ซึ่งตรงนี้แปลว่าพ่อแม่ต้องมี eq ที่ดีด้วย เพราะถ้ารู้อารมณ์ตัวเองได้ จึงจะรู้อารมณ์ผู้อื่นได้ถูกต้อง (ยากนะเนี่ย)

2. มองว่าช่วงเวลาที่ลูกแสดงอารมณ์ไม่ถูกต้องหรือมีปัญหา เป็น "โอกาส" ที่จะได้สอนและใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น --เพราะแน่นอนพ่อแม่หลายคนคงมองว่า เอาอีกแล้ว หาเรื่องปวดหัวให้ชั้นอีกแล้ว มันก็จะออกมาเป็นแบบ 3 ข้อด้านบน

3. ฟังอย่างเข้าใจจริงๆ -- ให้ลูกได้อธิบาย ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แล้วพ่อแม่ก็ฟังแบบ เข้าใจจริงๆ (ยากนะบอกเลย ต้องใจเย็นบรม) ลูกจะเป็นตัวตัดสินเองว่า พ่อแม่สรุปเข้าใจตัวเองจริงๆรึเปล่า ทั้งนี้ทั้งนั้น เค้าบอกว่า การซักถามๆๆๆๆก็ไม่ใช่เรื่องดีนะ เพราะบางทีเด็กก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างงี้ จึงควรแค่ observe สังเกต และค่อยๆพูด

4. ช่วยบอกว่าอารมณ์ที่กำลังรู้สึกอยู่นั้นคืออะไร -- จำได้เลยตอนเด็กๆเวลาโมโหๆๆๆๆ พอพ่อพูดกับแม่ว่า เริ่มง่วงนอนแล้ว รู้สึกหายโมโหขึ้นมาทันที เหมือนเราก็เพิ่งรู้ว่า อ่อ เออว่ะ หงุดหงิดเพราะง่วงนอนจริงด้วย ฉะนั้นการ label emotions เป็นสิ่งที่สำคัญ

5. ตั้งลิมิตการกระทำและช่วยแก้ปัญหา -- เช่น "ลูกโกรธที่เพื่อนเอาของเล่นลูกไปใช่ไหม แม่ก็คงโกรธเหมือนกัน (เข้าใจ) แต่การไปชกเค้ามันไม่โอเคนะ แทนที่จะตีเพื่อน เราควรทำยังไงแทนดี?" ช่วย encourage ให้แก้ปัญหาด้วยตัวเองด้วย ไปสั่งอย่างเดียวก็ไม่ได้ ศาสตร์แห่งพ่อแม่นี่มันช่างยากยิ่ง 555 คราวนี้ คนที่รู้สึกว่า อ้าว งี้พ่อแม่ชั้นเป็นแบบ 3 ข้อด้านบน งี้ชั้นก็ไม่รอดเลยน่ะสิ EQ ต่ำชัวร์

well, what you can change is your own attitude and behaviors

อารมณ์ของเรา เราควบคุมได้ บทความนี้ยังบอกอีกด้วยว่า แม้จะทำถูกทุกประการ แต่ปัญหาเรื่องอารมณ์ก็ยังคงมีให้ต้องจัดการอยู่เรื่อยๆ เรื่องแบบนี้ อยากให้มีสอนในโรงเรียนจุง

ปล. เรื่องนี้เอาประยุกต์ใช้กับคนอื่นได้ด้วย XD

แปะลิ้ง https://www.bakadesuyo.com/2018/09/emotionally-intelligent-kids/?utm_source=%22Barking+Up+The+Wrong+Tree%22+Weekly+Newsletter&utm_campaign=3cb3e09df3-eikids_9_9_2018_COPY_01&utm_medium=email&utm_term=0_78d4c08a64-3cb3e09df3-56731829


Recent Posts

bottom of page