top of page

ภาษาอังกฤษสำหรับขาช็อป : คำศัพท์ และประโยคในการสนทนาเกี่ยวกับราคาสินค้า


ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน เป็นโอกาสให้ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการสามารถติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย แม้จะอยู่กันคนละทวีปก็ตาม บ่อยครั้งที่เราต้องการซื้อสินค้าจากต่างแดน เช่น จากเว็บไซต์ Amazon, eBay, etc.ภาษาอังกฤษจึงเป็นสื่อกลางในการซื้อสินค้าออนไลน์เพื่อให้การซื้อขายลุล่วงไปด้วยดี และสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อนการชำระเงินค่าสินค้า คือราคาสินค้า วันนี้ ทาง InterBoosters ขอนำเสนอคำศัพท์ วลี และประโยคที่เกี่ยวข้องกับการสนทนาในการซื้อสินค้า เพื่อให้นักช็อปทั้งหลาย สามารถนำไปสอบถาม ต่อรองสินค้าจนได้ราคาที่ตนเองพอใจ รวมถึงสามารถใช้ในการเตรียมตัวสอบ SAT, IELTS ได้อีกด้วยค่ะ

1. It cost a fortune: Expensive ราคาแพง สามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์ ที่เราจะพูดถึงของบางสิ่งบางอย่างที่ราคาแพง เช่น “I crashed my car once, I didn’t get hurt, the sad part was my car got hurt and it cost me a fortune to repair it”

2. It cost an arm and leg: Very expensive ราคาแพงมาก

ที่มาของวลีนี้ เกิดขึ้นเมื่อหลายศตวรรษที่แล้ว เมื่อครั้งการวาดภาพเป็นสินค้าและบริการที่มีราคาแพงมาก ยากแก่คนทั่วไปจะสามารถจับต้องได้ ซึ่งราคาการวาดเฉพาะใบหน้า ครึ่งตัว ทั้งตัวก็จะแตกต่างกันไป การวาดทั้งตัวนั้นราคาจะแพงที่สุด จึงเป็นที่มาของวลีดังกล่าว ตัวอย่างการใช้ เช่น

“Do you go to concert? And how are the tickets? Are they like cheap?” “No, they usually cost us an arm and leg ”

3. That’s a rip off : Extremely expensive ราคาแพงสุดๆ แพงเกินความเป็นจริง “rip” เป็นกริยาที่แสดงอาการฉุด กระชาก วลี That’s a rip off จึงใช้กล่าวถึงราคาของบางสิ่งบางอย่างที่แพงมากๆจนสามารถฉีกกระชากกระเป๋าเงินของคุณให้ขาดสะบั้นได้เลย อีกนัยหนึ่ง เป็นการกล่าวถึงสินค้าที่ราคาแพงเกินความเป็นจริง

ตัวอย่าง เช่น “When I took a taxi from the airport, it was a rip-off. The driver overcharged me”

4. That’s a bit pricey: Little expensive ราคาแพงนิดหน่อย

ตัวอย่าง เช่น “I think you can buy another jacket because this one’s a bit too pricey”

5. I can’t afford …: ไม่มีเงินพอที่จะซื้อ ตัวอย่าง เช่น “I can’t afford this car, right now it will cost me a fortune. Maybe we can buy it in the future.”

6. That’s quite reasonable: พูดถึงสินค้าที่คุณมีเงินพอที่จะซื้อมันได้ในราคาที่ถูกตั้งไว้ และพิจารณาดูแล้ว ราคาและคุณภาพสิ่งของมีความสอดคล้องกันดี

7.That’s a good deal : กล่าวถึงสินค้าที่ราคาและคุณภาพเป็นเหตุเป็นผล สอดคล้องกันดี และผู้ซื้อมีเงินพอที่จะซื้อมา

8. It’s 20% off : วลีนี้แปลว่า คุณไม่ได้จ่ายให้กับราคาเต็มของสินค้า แต่กลับได้ซื้อของราคาได้ถูกลดลงกว่าที่คาดไว้

ตัวอย่าง เช่น “I had told you about the mall in Dubai which was quite reasonable. Which I expected to be a bit pricey but it turn out to be quite reasonable. In that mall, I availed a 20% off on my overall purchase.That’s so cool”

Availed - ได้ประโยชน์จาก

9. It was a real bargain: สถานการณ์ที่ได้ของจำนวนมาก หรือราคาถูกกว่าราคาที่ต้องจ่ายจริง จากการจัดช่วงโปรโมชั่น หรือมหกรรมลดราคา ตัวอย่างเช่น

“These beach T-shirts were a real bargain at the local bazaar and if I got them from the mall, they would have cost me a fortune”

ซึ่งสามารถใช้ในสถานการณ์ที่จะเลี่ยงพูดถึงราคาจริงของสินค้าได้ด้วย

10. It was dirt cheap: เมื่อพิจารณาตามตัว วลีดังกล่าวหมายถึงสินค้าที่ถูกมากๆราวกับของไม่มีราคาอย่างฝุ่นผง

ตัวอย่างสถานการณ์

When you go to the vegetable market, where you get some really good, fresh plums and you get them at a very low price. You can say that “I can just buy more of these plums; they are dirt cheap”

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่านอกจากบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านหลายท่านไปช็อปปิ้ง แล้วได้ของดีราคาถูกกันกลับมากันบ้าง แล้วยังจะช่วยในการเตรียมตัวเพื่อสอบ SAT หรือ IELTS ด้วย ได้ผลยังไง อย่าลืมมาเล่าให้กันฟังบ้างนะคะ 😊

ที่มา Talking about Prices ( Describing Expensive & Inexpensive items) Free Spoken English Lessons http://www.learnex.in/free-spoken-english-lesson-talking-about-prices/

เผยแพร่เมื่อ 20 ก.ย. 2016


Recent Posts

bottom of page